บทที่ ๘ เจตจำนงแห่งพลังธรรมชาติ

จาก อสุรา เกมส์ออนไลน์ ฟอร์มยักษ์ - สารานุกรม
รุ่นเมื่อ 14:03, 3 มิถุนายน 2557 โดย Wikiadmin (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)

(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นล่าสุด (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปยัง: นำทาง, ค้นหา

หลังจากเหตุการณ์ “พสุธานองเลือด” ทั้งมนุษย์และอสุราก็สงบศึกกันมาตลอด ถึงแม้จะยังมีการปะทะกับพวกซอเรียนจากทางเหนือบ้างแต่ก็เป็นเพียงการ กระทบกระทั่งกันตามชายแดนเท่านั้น
การปรากฏตัวของเจตจำนงแห่งพลังธรรมชาติ
ผ่านไป 3 ปีหลังจากมนุษย์กับอสุราได้กลับมาเป็นพันธมิตรกันอีกครั้ง ทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็ได้ร่วมมือเพื่อต่อต้านซอเรียนจากทางเหนือที่เข้ามาประชิดเมืองได้สำเร็จ
ส่วนจันท์ซึ่งเคยพ่ายแพ้ให้กับสงครามครั้งก่อนได้พยายามที่จะเพิ่มพลังของตนโดยการท่องไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อค้นหาขุมพลังที่ยังหลงเหลืออยู่เมื่อครั้งการกำเนิดโลกตามตำรา “กำเนิดโลกและเผ่าพันธุ์ ฉบับสาวกแห่งอาทรัม” กล่าวอ้าง แต่สถานที่เหล่านั้นมิได้หลงเหลือพลังพอที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกแล้ว
จนกระทั่งจันท์ได้ค้นพบบันทึกเก่าๆ เล่มหนึ่งวางขายอยู่ในตลาดกลาง “เมืองอาหรับ” ซึ่งกล่าวถึงบางสิ่งที่อาจถูกปิดผนึกไว้ใน “สุสานกษัตริย์” ผู้บันทึกได้ค้นพบ ก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายแขนขนาดใหญ่ที่ส่วนลึกสุด รายละเอียดของมันยากที่จะเชื่อได้ว่าเป็นแค่ชิ้นส่วนแขนของรูปปั้นธรรมดา แต่ไม่ทันที่จะได้สำรวจเพิ่มเติมก็โดนเหล่ามอนสเตอร์ในสุสานเข้าโจมตีเสียก่อน การปะทะกันส่งผลให้เพดานถ้ำได้ถล่มลงมาปิดกั้นทางเข้าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งจันท์ผู้ได้อ่านบันทึกได้ใช้พลังของตนเปิดเส้นทางที่ปิดตายนั้นอีกครั้ง ภายในส่วนลึกสุดของสุสานไม่ไกลมากนักจากชิ้นส่วนแขนปริศนามันคือศิลาหินใหญ่เก่าแก่ที่มีสภาพใกล้จะแตกสลาย บนศิลาหินมีสัญลักษณ์เวทซึ่งเป็นของเผ่ามนุษย์สลักอยู่ด้วย หากว่าจันท์ไม่ได้ต้องการค้นหาความลับของสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ เธอคงป่นมันทิ้งด้วยความรู้สึกโกรธเคืองที่มีต่อเผ่ามนุษย์ไปแล้ว
จันทร์เดินทางออกจากสุสานกษัตริย์ ความสงสัยต่อสัญลักษณ์เวทบนศิลาได้ผลักดันให้เธอลอบเข้าไปยังหอสมุดของเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท เธอได้พบตำราเวทมนตร์ เล่มหนึ่งซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวหลังจากการกำเนิดโลก 1000 ปี มันเป็นเหตการณ์ที่มีการก่อตัวขึ้นของพลังธรรมชาติ ทั้ง 4 ด้วยเจตจำนงของตัวมันเอง ออกมาอาละวาดทำลายทุกสิ่ง แม้เหล่าเทพจะช่วยกันปกป้องโลกไว้แต่ก็ไม่อาจทำลายพลังแห่งธรรมชาตินี้ได้ เทพลูซิสจึงผนึกมันไว้แล้วมอบหน้าที่การเปลี่ยนผนึกใหม่ทุกๆ 100 ปี แก่ “มาริค อัลเดอไวซ์” หัวหน้าจอมเวทของมนุษย์ ณ ตอนนั้น ลูซิสได้แยกผนึกพลังธรรมชาติ ทั้ง 4 ไว้คนละที่กัน คือ วิหารท้าวจตุรกรที่ปิดผนึกวินเอเลเมนทัล ถ้ำใต้น้ำที่ปิดผนึกวอเตอร์เอเลเมนทัล วิหารเพลิงที่ปิดผนึกไฟเอเลเมนทัล และสุสานกษัตริย์ที่ปิดผนึกเอิร์ธเอเลเมนทัล จันทร์ล่วงรู้ความลับทั้งหมดแล้ว จึงออกเดินทางไปปลดผนึกด้วยความต้องการที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย เกิดการปะทะขึ้นหลายครั้งระหว่างจันทร์กับกองกำลังของมนุษย์และได้ปลดผนึกสำเร็จไปไป 3 แห่ง จนกระทั่งการปลดผนึกสุดท้ายที่วิหารท้าวจตุรกร จันทร์ได้ปะทะกับเซรีนหัวหน้าจอมเวทย์คนปัจจุบันและเหล่าผู้กล้า ผนึกถูกปลดสำเร็จแต่พลังธรรมชาติทั้ง 4 ไม่ได้ทรงพลังเหมือนครั้งในอดีตอีกแล้ว พวกมันจึงพ่ายแพ้และรวมตัวกันปลดผนึกลับภายในร่างของตัวเองทั้ง 4 ธาตุ เพื่อฟื้นคืนชีพให้กับราชันย์แห่งความว่างเปล่า ที่ถูกเทพลูกซิสผนึกไว้แต่แรกเมื่อนานมาแล้ว