header

คัมภีร์โลกทัศน์อสุรา บทที่ 11: ศาสนา, เทววิทยา, และ ความเชื่อ

คัมภีร์โลกทัศน์อสุรา บทที่ 11: ศาสนา, เทววิทยา, และ ความเชื่อ

เทพเจ้าหลัก (Major Deities)

หกมหาเทพผู้สร้างโลกในกระแสความเชื่อหลัก

ลูซิส (Lucis)

เทพีผู้เป็นตัวแทนของแสง ความเมตตา การปกป้อง และพลังเวทมนตร์แห่งการเยียวยา รักษา คุ้มครอง และขจัดสิ่งชั่วร้าย ลูซิสได้รับการเคารพในฐานะผู้นำทางแห่งศรัทธา ผู้มอบระเบียบแก่โลก และเป็นผู้นำแห่งเหล่าเทพทั้งปวง ในความเชื่อของศาสนจักร ผู้ศรัทธามักอธิษฐานขอความปลอดภัย ความงดงาม และการคุ้มครองจากเงามืด เธอถูกพรรณนาในรูปสตรี ผู้มีผมยาวสลวย อันเปล่งประกายราวกับทองคำเมื่อต้องแสงแดด

แม้จะได้รับการยกย่องจากศาสนจักร ว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งคุณธรรมสูงสุด แต่กลุ่มผู้ศรัทธาอื่นๆ และนิกายย่อยบางสาย ก็อาจจะกล่าววิจารณ์ว่า แสงของลูซิสนั้น เจิดจ้าจนบดบังความเป็นจริง เทพีทรงโปรดปรานความงามภายนอก และความเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นตา เป็นตัวตนที่เบื่อง่าย และเอาแต่ใจ ความโปรดปรานของเธอ จึงไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่งดงามพอ ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ ความเชื่อเชิงลบเหล่านี้ มักถูกศาสนจักรกลบเกลื่อน และแทบไม่ปรากฏในเอกสารศักดิ์สิทธิ์ฉบับใด


เทอร์ร่า (Terra)

เทพผู้เป็นตัวแทนของแผ่นดิน ความมั่นคง วัฏจักรชีวิต และพลังของธรรมชาติ เทอร์ร่ามักปรากฏในรูปลักษณ์ของชายชราร่างใหญ่ สวมหน้ากากไม้หยาบ ที่มีเขากวางบนศีรษะ สัญลักษณ์ของพลัง ที่สะสมและยืนยงตามกาลเวลา ลักษณะในบันทึกกล่าวว่า พระองค์มักไม่พูดพร่ำ หรือมอบพรโดยง่าย แต่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ยอมรับกฎของธรรมชาติ ไม่ฝืนกระแส และมีความอดทนต่อความเปลี่ยนแปลง เทพองค์นี้ได้รับความเคารพจากชนเผ่าเก่าแก่ ชนชั้นแรงงาน และเหล่านักพรตผู้ถือสัจธรรมแห่งผืนดิน

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อกระแสรองบางสำนักมองว่าเทอร์ร่าเป็นเทพผู้หยาบกระด้าง เคร่งในกฎธรรมชาติจนไร้เมตตา และเป็นต้นทางของเผ่าพันธุ์ออค สิ่งมีชีวิตที่ผู้คนในจักรวรรดิเมทัลลิก้า มองว่าเป็นผลลัพธ์ของ ความหยาบกร้าน ป่าเถื่อน ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรจึงไม่ยกย่องเทอร์ร่าในฐานะเทพสำคัญ ทั้งยังหลีกเลี่ยงการพูดถึงบทบาทของเขา ในช่วงกำเนิดเผ่าพันธุ์ออคอย่างละเอียด แม้จะยอมรับอิทธิพลของเขาในฐานะผู้สร้างผืนดินก็ตาม


อิกนัส (Ignus)

อิกนัสคือเทพแห่งไฟในฐานะพลังแห่งการสร้างสรรค์ และความเพียรที่ไม่หยุดนิ่ง เป็นตัวแทนของเตาหลอม งานช่าง สิ่งประดิษฐ์ และประกายแรกของแรงบันดาลใจ อิกนัสมักปรากฏในรูปลักษณ์ของบุรุษผู้มีผมสีเดียวกับควันไฟ และถือค้อนขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว เขาเป็นองค์อุปถัมภ์ของช่างฝีมือ ช่างตีเหล็ก วิศวกร และผู้สร้างสรรค์ทุกประเภท โดยเฉพาะในหมู่คนแคระ ซึ่งถือว่าเป็นบุตรที่โปรดปรานของอิกนัส ส่วนก็อบลิน แม้จะมีพรจากเขาเช่นกัน แต่กลับได้รับการเหลียวแลน้อยกว่า ตามความเชื่อดั้งเดิม

แม้จะได้รับการยกย่องในแวดวงช่างฝีมือ แต่คำวิจารณ์จากลัทธินอกศาสนจักรบางกลุ่ม ชี้ว่าอิกนัสโปรดปรานความสำเร็จ มากกว่าความเสมอภาค และมักวางค่าของสิ่งมีชีวิตตามประโยชน์ ที่พวกมันสามารถ “สร้าง” และ ความลำเอียงที่มีต่อคนแคระ และการเมินเฉยต่อความทุกข์ยาก ของเหล่าก็อบลิน ที่เป็นผลงานของตนเช่นกัน ทำให้บางสำนักเชื่อว่าเทพองค์นี้ มีจิตใจที่ลำเอียงและไม่เป็นธรรมนัก ซึ่งชาวคนแคระต่อต้านแนวคิดเช่นนั้นเป็นอย่างมาก


เวนตัส (Ventus)

เวนตัสคือเทพแห่งลม เสรีภาพ การเคลื่อนไหว และการเดินทาง เขาได้รับการเคารพ ในฐานะผู้มอบลมหายใจแรกให้แก่สิ่งมีชีวิต เป็นพลังที่แฝงอยู่ในทุกการหายใจและการเดินทาง เสียงของเวนตัสกระซิบถึงผู้แสวงหาความรู้ และผู้เดินออกจากเส้นทางเดิมๆ รูปลักษณ์ของเวนตัส ไม่มีความแน่นอน มักเปลี่ยนไปตามผู้มองเห็น แต่โดยทั่วไปถูกพรรณนา เป็นบุรุษหรือสตรีในชุดเบา ที่มีเรือนผมสีเขียวอ่อน และเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายลม

แม้เวนตัสจะไม่ได้เป็นผู้สร้างเผ่าพันธุ์เอล์ฟด้วยตนเองผู้เดียว แต่ก็โปรดปรานพวกเขา และมอบพรแห่งสายลมแก่ชนเผ่านี้ พรดังกล่าวสะท้อนในความสามารถของเอล์ฟด้านการยิงธนู การเคลื่อนไหวอันงดงาม และการฟังเสียงธรรมชาติ เนื่องจากราชวงศ์เซราฟิม อ้างตนว่าสืบเชื้อสาย บางส่วนมาจากเอล์ฟ เวนตัสจึงได้รับการยอมรับโดยศาสนจักรโดยปริยาย แต่หลังจากที่ราชวงศ์เซราฟิมเสื่อมอำนาจลง การยกย่องเวนตัสจากศาสนจักร ก็ลดลงตามไปด้วยอย่างเห็นได้ชัด


อควา (Aqua)

อควาคือเทพผู้เป็นตัวแทนของสายน้ำ ทะเลสาบ และมหาสมุทร ลักษณะของเขา มักปรากฏในรูปของ มนุษย์ที่มีท่อนบนผิวแทนอย่างชาวทะเล และท่อนล่างเป็นหางปลาอย่างเงือก ถือตรีศูลประจำกายที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจเหนือสายน้ำและเกลียวคลื่น พลังของอควาไม่เพียงจำกัดอยู่ที่ทะเลเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงแม่น้ำ สายฝน และความเปลี่ยนแปลงที่น้ำและความเย็นนำมาให้กับแผ่นดินอีกด้วย

ในตำนาน อควาไม่ได้โปรดปราน หรือสนับสนุนเผ่าพันธุ์ทรงปัญญาใดเป็นพิเศษ แต่ได้รับการเคารพในฐานะ เจ้าแห่งสรรพชีวิตในสมุทร บรรดาสัตว์ทะเล วิญญาณน้ำ และผู้มีอาชีพเกี่ยวข้องกับทะเล ล้วนบูชาเขา ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง หรือ กะลาสี อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะที่สงบนิ่งแต่คาดเดาไม่ได้ อควาจึงถูกตีความต่างกัน ในแต่ละท้องที่ และมักขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และสภาพของท้องทะเล แหล่งน้ำ ที่พื้นที่นั้นๆ ต้องเผชิญ


อาทรัม (Atrum)

อาทรัมคือเทพแห่งเงา ความลับ พลังที่ซ่อนเร้น และความจริงที่ไม่จำเป็นต้องงดงาม ด้วยสถานะเป็นแฝดของลูซิส นางจึงมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับแสง แต่เลือกจะดำรงอยู่ในเงามืด ที่แสงทอดผ่านแทน นางมักถูกพรรณนาว่าเป็นหญิงสาวหรือบุรุษในผ้าคลุมดำขาดรุ่งริ่ง ไม่มีรูปลักษณ์แน่นอน หรือมีเพียงนัยน์ตาเรืองแสงลอยอยู่ในความมืด บ้างกล่าวว่า แม้แต่นางเองก็ไม่สนใจรูปลักษณ์ของตนเช่นกัน

อาทรัมโปรดปรานใน อำนาจ, กำลัง, และความเป็นไปได้ มากกว่าความงาม และเป็นเทพที่ยึดถือแนวทางตรงข้ามกับลูซิสอย่างสุดโต่ง นางมองเห็นผลลัพธ์สำคัญกว่าวิธีการ ความศรัทธาต่อนางมักเกี่ยวข้องกับการยอมรับด้านมืดของมนุษย์ และการใช้อำนาจเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรจึงหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงอาทรัม ในแง่บวกมากนัก และประณามลัทธิที่บูชานางว่าเป็นกลุ่มหัวรุนแรงหรือนอกรีต


เทพชั้นรอง (Minor Deities)

แม้เทพหลักทั้งหกจะเป็นแกนกลาง ของตำนานการสร้าง และศาสนจักร แต่ในความเป็นจริง โลกยังมีเทพย่อยๆ อีกมากที่มีตัวตนอยู่จริง หรือมีหลักฐานว่ามีการเคารพบูชาในอดีต หรือแม้แต่ในปัจจุบัน เทพเหล่านี้บางองค์เป็นบริวารของเทพหลัก บ้างเป็นตัวแทนของแนวคิด หรือพลังเฉพาะทางที่ไม่ถูกยกขึ้นกล่าวถึงอย่างเปิดเผยในตำราศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังได้รับการบูชาในกลุ่มความเชื่อเฉพาะกลุ่ม

เทพย่อยบางกลุ่มแสดงจุดยืนชัดเจน เช่น “เจ็ดบาปแห่งอาทรัม” ที่เป็นสัญลักษณ์ ของแรงปรารถนาอันรุนแรง ที่ฝักใฝ่ในความเชื่อฝั่งเดียวกับเทพอาทรัม หรือ “เจ็ดคุณธรรมแห่งลูซิส” ที่เป็นต้นแบบของความดีงาม ตามอุดมคติของศาสนจักร ขณะที่เทพองค์อื่นๆ อาจเลือกวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่แสงหรือเงา และมีบทบาทเฉพาะด้าน เช่น เทพแห่งโชคชะตา หรือ สัตว์เทพแห่งดวงดาวต่างๆ

ตัวตนที่ใกล้เคียงเทพชั้นรอง

ความเชื่ออื่นๆ (Other Belief)

แม้ความเชื่อในเทพทั้งหก จะเป็นความเชื่อกระแสหลักภายในจักรวรรดิ และเป็นรากฐานของศาสนจักรแห่งลูซิส แต่ในความเป็นจริง โลกใบนี้เต็มไปด้วยระบบความเชื่อ อีกหลากหลาย ที่ถือกำเนิดจากบริบทท้องถิ่น เผ่าพันธุ์ วิถีชีวิต และประสบการณ์ของแต่ละกลุ่มชน ซึ่งบางความเชื่อยังคงหลงเหลืออยู่ ในพื้นที่ที่อาณาจักรเข้าถึงได้ยาก

ชาวอสุรา ยึดมั่นใน “วิถีแห่งจิต” และ “วัฏจักรแห่งวิญญาณ” ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งเน้น การพัฒนาตนเอง ผ่านการฝึกฝนและเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของตนเอง และสิ่งรอบตัว พวกเขามองว่าวิญญาณเป็นสิ่งดำรงอยู่จริง ไม่จำเป็นต้องผูกโยงกับเทพใดๆ และมีวิชาเฉพาะ เช่น วิชาสื่อวิญญาณ พยากรณ์ หรือการเรียกพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในธรรมชาติ ซึ่งล้วนไม่ได้อยู่ในขอบเขต ของศาสนจักร จึงถูกจัดว่า “นอกรีต” ในความหมายของจักรวรรดิก็ได้

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อของ เผ่าสมิง และ นัล ซึ่งมักผสานความเชื่อเรื่องวิญญาณ ของสัตว์ และธรรมชาติเข้ากับพิธีกรรม และประเพณีของตน พวกเขาเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งมี “วิญญาณผู้พิทักษ์” ที่สามารถให้พร หรือบทลงโทษได้ พิธีกรรมของเผ่าพันธุ์เหล่านี้ มักเกี่ยวข้องกับการละเล่น หรือการเตรียมการและวิธีชีวิตในแต่ละช่วงของฤดูกาล เช่น การล่าสัตว์ในบางฤดู หรือการเตรียมการเก็บเกี่ยว หรือหาของป่าในบางช่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจจากมุมมองของชาวจักรวรรดิ

แม้ความเชื่อเหล่านี้จะมีอิทธิพลจำกัดในพื้นที่หลักของจักรวรรดิ แต่ก็ยังดำรงอยู่ และหล่อหลอมวิถีชีวิต ศิลปะ และเวทมนตร์ในแต่ละภูมิภาคอย่างลึกซึ้ง บางแขนงถูกกลืนเข้ากับวัฒนธรรมสายหลัก บ้างก็ถูกกวาดล้าง และบางส่วนยังคงดำรงอยู่ ในมุมที่ห่างไกลของโลกใบนี้