
คัมภีร์โลกทัศน์อสุรา บทที่ 2: การแบ่งยุคสมัยของโลกอสุรา

ยุคสมัยแห่งการกำเนิด (Age of Creation)
10,000+ ปีขึ้นไป ก่อนจักรวรรดิเมทัลลิก้า (BME - Before Metallica Empire)
เป็นยุคสมัยที่เหล่าเทพได้สร้างโลกและเผ่าพันธุ์ต่างๆ ขึ้นมา โดยมอบให้เอล์ฟเป็นผู้ดูแลความสงบของโลก แต่เหล่าเทพแต่ละองค์ก็ใช้เวลา และคอยประคบประหงมเผ่าพันธุ์ที่ตนโปรดปราน ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเหล่าเทพ อันนำไปสู่การแย่งชิง และความวุ่นวายในยุคถัดไป
ยุคสมัยแห่งความโกลาหล (Age of Chaos)
10000 BME - 3000 BME
เมื่อความขัดแย้งของเทพ และสมดุลของโลก และพลังต่างๆ ปั่นป่วน โลกจึงเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ในระหว่างสงครามและการต่อสู้ระหว่างเทพ และเผ่าพันธุ์ต่างๆ โลกก็ได้แยกออกเป็นทวีปและเกาะต่างๆ เกิดพื้นที่ใต้พิภพ และอสูรกายมากมาย ที่ไม่ได้ถูกทวยเทพสรรค์สร้างในเวลานี้

เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดของยุคสมัยนี้คือ สงครามระหว่างเผ่าเอล์ฟและมังกร ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อมีเอล์ฟตนหนึ่งเดินทางไปสังหารมังกรที่ทวีปทางเหนือ และจบลงด้วยชัยชนะของเผ่าเอล์ฟนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าเอล์ฟเองก็สูญเสียไปมาก และตัดสินใจที่จะปลีกวิเวกตนเอง หายเข้าไปซุกซ่อนในป่ารอบๆ ทวีปแองเจเลีย และไม่ออกมาติดต่อพบปะกับผู้คนเผ่าอื่นๆ อีก
และในยุคนี้เองที่เทพีอาทรัมถูกแบ่งชิ้นส่วนออกเป็นเจ็ดชิ้นกระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลก และเหล่าเทพที่เหลือทั้งห้าตัดสินใจว่าจะไม่ลงมายุ่งกับโลกโดยตรงอีก
ยุคสมัยแห่งกำลัง (Age of Power)
3000 BME - 500 BME
หลังจากยุคของความวุ่นวายจบลง และเหล่าเอล์ฟตัดสินใจที่จะหลบซ่อนตัว จึงทำให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจขึ้น ในยุคสมัยนี้ เผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็พยายามขยายกำลัง และยึดครองพื้นที่ของตนเอง การยื้อแย่งอำนาจผ่านไปหลายร้อยปี จนในที่สุด เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแองเจเลียคือเผ่าออค ที่มีร่างกายแข็งแกร่ง เกิดเป็นอาณาจักรออคขึ้น เหล่าออคเข้ายึดครองและจับเผ่าอื่นๆ ไปเป็นทาส และว่ากันว่าพวกเขาปกครองด้วยกำลังและความป่าเถื่อนโหดร้าย
ในอีกทวีปหนึ่งทางเหนือ เหล่ามังกรที่หลงเหลืออยู่ก็เริ่มเกิดเชื้อสายย่อยออกมา เกิดเป็นหลายเผ่าพันธุ์ซึ่งมีอำนาจลดหลั่นกันลงมา นอกเหนือจากมังกรสายเลือดแท้แล้ว เผ่า “ซอเรี่ยน” กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ในแดนเหนือและก่อกำเนิดเป็นจักรวรรดิขึ้น ควบรวมเอาเผ่าอื่นๆ ในทวีปทางเหนือ และยึดจุดเชื่อมระหว่างพื้นที่ใต้พิภพเป็นของตน
ระหว่างสองพันปีของยุคนี้ มีหลายครั้งที่ซอเรี่ยนพยายามบุกและจู่โจมทวีปแองเจเลีย หวังจะยึดครองดินแดน และขยายอำนาจของตน ให้ไกลจากบ้านเกิดในแดนเหนือ แต่ก็ถูกอาณาจักรของออค ต้านทานเอาไว้ได้ทุกครั้งไป
ยุคสมัยแห่งการปลดแอก (Age of Liberation)
500 BME - 1 BME
เวลาผ่านไปเกือบสองพันปี ที่อาณาจักรออคเรืองอำนาจ แต่เมื่อสงครามต่อเนื่องยาวนาน ระหว่างซอเรี่ยนและออค ทำให้อาณาจักรออคเริ่มอ่อนแอลง หลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทำให้เกิดโรคระบาดไปทั่วทวีปแองเจเลีย เผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่เคยเป็นทาสของพวกออค ก็ลุกฮือขึ้นต่อสู้เพื่ออิสระของตน และปลดแอกจากอำนาจของอาณาจักรออค ด้วยเหตุนี้เองทำให้อาณาจักรออคที่เคยยิ่งใหญ่ กลับค่อยๆ สลายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
เหล่าหัวเมือง ดินแดนและเผ่าต่างๆ แตกแยกออกจากกัน กลายเป็นแว่นแคว้นเล็กๆ ที่ปกครองโดยเหล่าทาสเผ่าต่างๆ ในอดีต มีแคว้นหนึ่งซึ่งค่อยๆ ขยายขอบเขตและอำนาจขึ้นทีละน้อยอย่างต่อเนื่องในช่วงท้ายของยุค คือแคว้นเซราฟิม ซึ่งผู้นำของแคว้นที่เป็นมนุษย์ได้กล่าวอ้างว่า พวกตนมีสายเลือดกึ่งหนึ่งของเอล์ฟ เป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมของทวีปแองเจเลีย จึงได้ค่อยๆ ทำการรวบรวมดึงแดนที่แตกออกให้เป็นหนึ่งอีกครั้ง
ยุคสมัยแห่งจักรวรรดิ (Age of Empire)
1 ศักราชเมทัลลิก้า (MY - Metallica Year) - 1000 MY
หลังการรวมดินแดนทางฝั่งตะวันตกของแองเจเลียให้รวมเป็นหนึ่งได้ ภายใต้การปกครองของราชวงศ์เซราฟิม ทั้งจากสงคราม การทูติ และศาสนา จึงได้ก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาเพื่อรวมแผ่นดินแองเจเลียตะวันตกไว้ภายใต้ธงเดียวกัน ซึ่งมีชื่อว่าจักรวรรดิเมทัลลิก้า
ในช่วงหนึ่งพันปีหลังกำเนิดจักรวรรดิที่นำโดยมนุษย์ เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม กฏหมาย วิทยาการ หรือเวทมนตร์ เกิดการก่อตั้งองค์กร และฝ่ายต่างๆ ในจักรวรรดิ ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็น ศาสนจักรแห่งลูซิส ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่บนเกาะที่ตั้ง ของวิหารเมทัลลิกาน่า ซึ่งศาสนจักรได้ยกให้เทพแห่งแสง ลูซิส เป็นเทพสูงสุดในหมู่เทพทั้งมวล และได้รวบรวมตำนาน และความเชื่อทั้งหลาย มาเรียบเรียงใหม่ให้ตรงกับหลักคำสอนของตน
ยุคสมัยแห่งการสำรวจ (Age of Exploration)
1000 MY - ปัจจุบัน (1120 MY)
ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิ เกิดการเคลื่อนไหวจากกลุ่มและองค์กรต่างๆ ที่ต้องการจะขยายขอบเขต และความรู้ของจักรวรรดิมากขึ้น จึงเกิดการก่อตั้งองค์กรอคาเดมี่ขึ้นมา เพื่อคอยสนับสนุนการสำรวจ ผจญภัย และการขนส่งเดินทางทั้งในและนอกเขตพื้นที่ของจักรวรรดิ การก่อตั้งอคาเดมี่ ทำให้เกิดกระแสของนักผจญภัยมืออาชีพมากขึ้น และเหล่าผู้คนในจักรวรรดิ จากหลากหลายองค์กรก็เริ่มให้ความสนใจกับการสำรวจและบุกเบิกดินแดนใหม่มากขึ้น

เมื่อการสำรวจและผจญภัยค่อยๆ พาเหล่ามนุษย์ผ่านกำแพงภูเขาที่กั้น ระหว่างทวีปแองเจเลียตะวันตกและตะวันออกเอาไว้ พวกนักผจญภัยก็ได้พบว่าที่หลังกำแพง เมื่อฝ่าป่าดงดิบเข้าไป มีอีกเผ่าพันธุ์ที่มีอารยธรรมชื่อว่า “อสุรา” อยู่อีกฝากหนึ่งของทวีป ผลจากการพยายามติดต่อครั้งแรกนำมาสู่ความขัดแย้งจากความเข้าใจผิด ก่อให้เกิดสงคราม แต่หลังจากความพยายามในการสานสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย จึงเกิดข้อตกลงระหว่างกัน เพื่อรักษาสันติสุขของทั้งสองฝ่ายเอาไว้ และเตรียมรับมือกับภัยร้ายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา