
คัมภีร์โลกทัศน์อสุรา บทที่ 5: องค์กรและฝ่ายต่างๆ

🏰 องค์กรการปกครอง (Governments)
จักรวรรดิเมทัลลิก้า (Metallica Empire)
ยุคสมัยของมนุษย์เริ่มขึ้นอย่างแท้จริง หลังจากการก่อตั้งจักรวรรดิเมทัลลิก้า หลังจากที่เผ่ามนุษย์ซึ่งนำโดยราชวงศ์เซราฟิม นำอาณานิคมต่างๆ ลุกขึ้นต่อต้านอาณาจักรออค ในเวลาที่พวกนั้นอ่อนแอที่สุด จักรวรรดิเมทัลลิก้ารวบรวมเอาเผ่าพันธุ์ต่างๆ ของทวีปแองเจเลีย ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของออค มาไว้ภายใต้ธงเดียวกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชากรส่วนใหญ่ ที่มีความสำคัญมากที่สุดของจักรวรรดิ คือเผ่ามนุษย์ ที่มีจำนวนมาก และเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายในดินแดน ไม่ว่าจะเป็นทางวัฒนธรรม วิทยาการ เวทมนตร์ หรือศาสนา
ผู้นำดั้งเดิมของจักรวรรดิคือราชวงศ์เซราฟิม ซึ่งอ้างสิทธิ์ในการปกครอง จากสายเลือดของเอล์ฟ ซึ่งเป็นดั่งสมมติเทพในยุคสมัยโบราณ แต่หลังจากเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มเสื่อมศรัทธาในราชวงศ์เซราฟิม จึงมีการผลัดเปลี่ยนผู้นำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำจากราชวงศ์อื่นๆ ผู้นำทางศาสนา หรือผู้นำทางการทหารต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนอำนาจกันไปมา บ้างก็ด้วยสันติวิธี บ้างก็ด้วยสงครามชิงอำนาจ แต่ในปัจจุบัน จักรวรรดิได้ใช้ระบบสภาผู้นำ ซึ่งเป็นตัวแทนจากหัวเมือง กลุ่มองค์กร และกลุ่มอำนาจต่างๆ เข้ามามีสิทธิในการเสนอ และเลือกผู้นำของจักรวรรดิในทุกๆ วาระ 4-5 ปี มาดำรงตำแหน่งสมุหนายก ซึ่งเป็นผู้นำของอาณาจักร
กองกำลังทหารที่ขึ้นตรงกับจักรวรรดิ คือกองทหาร “เซนจูเรี่ยน” ซึ่งเริ่มจากการผสมผสาน แบบแผนการรบทั้งระยะใกล้ ไกล และเทคนิคการรบและการจัดการอย่างเป็นแบบแผน ซึ่งทำให้จักรวรรดิแผ่ขยายดินแดน และอิทธิพลของตนออกไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน เซนจูเรี่ยนเป็นแม่แบบของวิทยาการทหารยุคใหม่ๆ และพัฒนาวิทยาการทางการทหารอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการต่อสู้และการรบรูปแบบเก่าด้วยดาบ ธนู และเวทมนตร์ จะกระจายตัวออกไปเป็นกลุ่ม องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ภายใต้สังกัดของจักรวรรดิก็ตาม

จักรวรรดิซอเรี่ยน (Saurian Empire)
จักรวรรดิซอเรี่ยน เป็นอาณาจักรโบราณ ซึ่งปกครองทวีปที่อยู่ข้ามทะเลไปทางเหนือของ ทวีปแองเจเลีย ซึ่งมีชื่อเรียกแค่ว่า “แดนเหนือ” สำหรับชาวจักรวรรดิเมทัลลิก้า ชาวซอเรี่ยนเริ่มต้นแผ่ขยายอิทธิพลในแดนเหนือที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงชัด แผ่นดินรกร้าง และทุ่งน้ำแข็ง กำเนิดเป็นอาณานิคม, อาณาจักร, และ จักรวรรดิขึ้น ตามลำดับ แม้จะมีเขตุพื้นที่ในการปกครองกว้างใหญ่ แต่ทรัพยากรและความอุดมสมบูรณ์ของทวีปแดนเหนือ ก็น้อยและเต็มไปด้วยความอดอยาก จึงจะพบว่าเหล่าซอเรี่ยนพยายามขยายดินแดน และผลักดันให้เกิดการยึดครองทวีปแองเจเลียที่อุดมสมบูรณ์กว่าอย่างต่อเนื่อง ในตลอดช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา ทั้งแต่สมัยของอาณาจักรออค มาจนถึงปัจจุบัน
กล่าวกันว่า ผู้นำของอาณาจักรซอเรี่ยนคือ “มังกรโบราณ” ซึ่งเดิมมีทั้งหมด 9 ตน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 5 ตน เท่านั้น มังกรโบราณเหล่านี้ มีอายุยืนยาว มาตั้งแต่ยุคสมัยแห่งความโกลาหล และอ้างว่าตนเคยทำสงครามกับเหล่าเอล์ฟ และมีเป้าหมายที่จะยึดครองทวีปแองเจเลีย และโลกใบนี้ กลับมาเป็นของมังกรอีกครั้งหนึ่ง ตามความปรารถนาของเทพีอาทรัม ผู้เป็นดั่งมารดาของชาวมังกรและซอเรี่ยนทั้งปวง
ผู้คนไม่รู้มากนักถึงรายละเอียด และการใช้ชีวิตภายใต้เขตแดนและการปกครอง ของจักรวรรดิซอเรี่ยน แต่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนถึงการใช้แรงงานทาส การแบ่งชนชั้น ระหว่างเผ่าซอเรี่ยน และเผ่าอื่นๆ ในเขตแดน นอกจากนี้ยังมีการทดลองทางเวทมนตร์ และเทคโนโลยีประหลาด ที่เกิดจากการทดลองกับอสูรกายและเผ่าพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย
มณฑลอสุรา (Asura Mandala)
ชาวอสุราไม่ได้มีการปกครองที่เป็นระบบชัดเจนเหมือนกับจักรวรรดิเมทัลลิก้า หรือจักรวรรดิซอเรี่ยน แต่ยังพอจะเห็นเค้าโครงของการปกครองคร่าวๆ ได้จากการแบ่งเขตแดนซึ่งปกครองโดยหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งมีอำนาจเป็นเอกเทศต่อกัน และแต่ละเมืองก็มีผู้นำของตนเอง ไม่ว่าจะใช้คำเรียกว่า ราชา ประมุข หรือคำอื่นๆ ก็ตาม ซึ่งหัวเมืองของอสุราจะแบ่งออกได้สามหัวเมืองใหญ่ๆ ได้แก่
- เมืองไอยรา ปกครองพื้นที่ป่าดงดิบทางตอนกลางของแองเจเลียตะวันออก
- เมืองจินโจว ปกครองพื้นที่ภูเขาและป่าทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแองเจเลีย
- เมืองอัฟราฮาล ปกครองพื้นที่ทะเลทรายทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแองเจเลีย
แต่ละเมืองของเผ่าอสุราเอง ก็มีระบอบ กฏเกณฑ์ ประเพณี และวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป แต่ยังมีส่วนที่คล้ายกันอยู่ของเผ่าอสุรา คือ การเคารพผู้อาวุโส การขัดเกลาฝึกฝนร่างกายและจิตใจ และการอาศัยปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่ตนอาศัยอยู่ ในส่วนของการปกครอง และการทหาร แต่ละหัวเมืองมีกำลังทหาร และการดูแลของตนเอง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่โดยรอบของหัวเมืองใหญ่ ซึ่งอาจจะรวมถึงเขตแดนจำพวกหมู่บ้าน หรือเมืองเล็กๆ ด้วย และเหล่าเมืองเล็กน้อยเหล่านี้ จะส่งทรัพยากร หรือกำลังพล ไปสนับสนุนหัวเมืองใหญ่เหล่านี้ แลกกับการคุ้มครอง หรือความปลอดภัยของดินแดนแวดล้อมของตน

✝️ องค์กรศาสนา (Religious Factions)
ศาสนจักรแห่งลูซิส (Church of Lucis)
ศาสนจักรแห่งลูซิส เป็นความเชื่อโบราณที่นับถือเหล่าเทพทั้งหก แต่จะยกให้ลูซิส เทพีแห่งแสงเป็นเทพสูงสุดในหมู่เทพ และมองว่าอาทรัม เทพีฝาแฝดของนาง เป็นต้นเหตุของความชั่วร้าย หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เดิมที่ความเชื่อนี้กำเนิดขึ้น ในหมู่เผ่าพันธุ์เอล์ฟ และมนุษย์เป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้รับการช่วยเหลือ โดยตรงจากเทพีลูซิสในยุคสมัยแห่งความโกลาหล แต่หลังจากที่ราชวงศ์เซราฟิม รวบรวมแผ่นดินแองเจเลียที่แยกออกเป็นเสี่ยงๆ จากอาณาจักรออคที่ล่มสลาย ก็ได้เผยแพร่คำสอน และมีการจัดเรียบเรียงคำสอนของเผ่าอื่นๆ และตำนานพื้นเมือง ให้ควบรวมเข้ามา ในความเชื่อของตนมากขึ้น กำเนิดเป็นกลุ่มนักบวชที่เป็นศาสนจักรขึ้นมา เสริมความชอบธรรมในการปกครองให้ราชวงศ์เซราฟิม และเผ่ามนุษย์ขึ้นไปอีก
ในตลอดช่วงหนึ่งพันปีที่ศาสนจักรกำเนิดขึ้นมา มีการเรียบเรียง แก้ไข และปรับเปลี่ยนคำสอน และความเชื่อขึ้นหลายครั้ง ซึ่งก็มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับการตีความตำนานต่างๆ ขึ้นมาใหม่ เหล่านี้ แต่ทางศาสนจักรเอง นอกจากจะมีนักวิชาการ และนักบวชของตนเองแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนที่ออกไปเผยแพร่คำสอน และแสดงปาฏิหารย์แห่งเทพีลูซิส อย่างกลุ่ม “เครลิค” และกองกำลังทหารของตนเองที่เรียกว่า “พาลาดิน” ซึ่งสามารถใช้ เพื่อเกลี้ยกล่อม หรือปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนจักรได้
ปัจจุบัน หลายการกระทำของศาสนจักรถูกตั้งข้อสงสัย และโบสถ์ถูกลดอำนาจลง จากความรู้ และวิทยาการที่ก้าวหน้าขึ้น อีกทั้งยังการเปลี่ยนระบบการปกครอง ที่ถอดถอนจักรพรรดิ ซึ่งศาสนจักรเคยแต่งตั้ง และเป็นที่ปรึกษาโดยตรงขึ้น ทำให้ศาสนจักรมีปากเสียงน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นก้ยังมีกฏ ข้อห้าม หรือความเชื่อหลายๆ อย่างที่ยังคงถูกปลูกฝัง และหยั่งรากลึกเอาไว้ ในจักรวรรดิเมทัลลิก้า และองค์กรของศาสนจักร ก็ยังคงจำเป็นในการดูแลความเรียบร้อย และช่วยเหลือผู้คนในจักรวรรดิอยู่
สาวกแห่งอาทรัม (Cult of Atrum)
ในทวีปแดนเหนือ ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิซอเรี่ยน สาวกแห่งอาทรัม ถือเป็นความเชื่อหลัก และมีอำนาจในการตัดสินใจ และเคลื่อนไหวจักรวรรดิซอเรี่ยน กล่าวกันว่าผู้นำของเหล่าสาวก ก็คือมังกรโบราณ หรือคนสนิทของมังกรโบราณเหล่านั้นนั่นเอง แต่สำหรับจักรวรรดิเมทัลลิก้า กลุ่มสาวกแห่งอาทรัมถูกมองว่าเป็นความเชื่อนอกรีต และกลุ่มคนอันตราย ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเวทมนตร์ศาสตร์มือต่างๆ เพื่อพลังอำนาจ และกิเลศของตน
เป้าหมายของสาวกแห่งอาทรัม แบ่งออกได้เป็นสองสายหลักๆ ในสายแรกคือฝั่งที่เป็นกลุ่มหัวรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าเทพีอาทรัมถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในฐานะเทพ และถูกกำจัดเพื่อปิดปาก ไม่ให้นางกลับมาเป็นภัยได้อีก ในกลุ่มนี้จึงมีเป้าหมาย ในการรวบรวมชิ้นส่วนทั้งเจ็ด ของเทพีแห่งความมืด เพื่อชุบชีวิตนางกลับขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อทำสงครามกับเทพีลูซิส และทวงคืนความยุติธรรมให้กับสมดุลของโลกใบนี้
อีกฝั่งหนึ่งคือกลุ่มที่ตีความความเชื่อว่า เทพีอาทรัมได้แพ้สงครามระหว่างเหล่าเทพ และถูกลงทัณฑ์จริงตามตำนาน แต่มองว่าความรู้ พลัง และประกายของความต้องการ ที่นางมอบให้สิ่งมีชีวิต ก็เป็นสิ่งล้ำค่ามากเกินกว่าจะไม่ใช้มัน พวกเขาจึงมีเป้าหมาย ในการแสวงหาความรู้ พลัง และสิ่งลี้ลับในโลกใบนี้ มากกว่าการแก้แค้นให้กับเทพีแห่งความมืด
🏹 องค์กรอิสระ (Independent Factions)
อคาเดมี่ (Academy)
อคาเดมี่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อคอยช่วยเหลือ จัดการ และอำนวยความสะดวก ให้กับเหล่านักเดินทาง และผู้คนภายในขอบเขตของจักรวรรดิเมทัลลิก้า เพื่อสนับสนุนและเชิญชวน ให้ผู้คนกล้าที่จะออกผจญภัย และบุกเบิกสถานที่ใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสาร ระหว่างผู้คนที่ต้องการเดินทาง และคอยกำกับดูแลคลังเก็บของ และแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้กับนักเดินทาง โดยในแต่ละเมืองหรือหมู่บ้านที่เข้าร่วมกับอคาเดมี่ จะมีตัวแทนของอคาเดมี่ อย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อคอยช่วยเหลือและเป็นตัวกลางในการติดต่อกับระบบการจัดการต่างๆ ของอคาเดมี่
สมาคมนักล่า (Hunter’s Guild)
เริ่มต้นจากความคิดที่เรียบง่าย สมาคมนักล่าเกิดขึ้นเพื่อเป็นตัวกลางในการจัดการปัญหาที่ อำนาจการปกครองไม่สามารถจัดการได้โดยตรง หรือไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะตอบรับ ความต้องการของผู้คน สมาคมนักล่ามีหน้าที่เป็นสถานที่รวบรวมคำขอ การว่าจ้าง และเป็นตัวกลาง ระหว่างนักผจญภัย และผู้ที่มีความต้องการบางอย่าง ซึ่งงานของนักล่าอาจจะเป็นทั้งการ กำจัด ค้นหา และสำรวจ ซึ่งจะถูกรวบรวมไว้และเรียกว่า “ภารกิจ” ในรายการกลาง ซึ่งช่วยให้การว่าจ้าง หรือขอความช่วยเหลือ ไปถึงผู้ที่มีความสามารถในการรับมือ หรือจัดการภารกิจดังกล่าว

สมาคมจอมเวท (Mage’s Guild)
สมาคมจอมเวทคือกลุ่มคนที่เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของผู้ที่ต้องการไฝ่หาความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่าเวทมนตร์ ก่อนจะเริ่มพัฒนาระบบ และการจัดการที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อทำให้เหล่าจอมเวท นักวิจัย และผู้ที่สนใจศึกษาเวทมนตร์ สามารถเข้าถึงทรัพยากร และการศึกษาเวทมนตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดเป็น กลุ่มก้อนของผู้ศึกษา เรียนรู้ วิจัย และทดลองเวทมนตร์ ที่คล้ายกับโรงเรียน หรือกลุ่มชมรมขนาดย่อม นอกจากนี้ยังเป็นที่ซึ่งผู้คนและองค์กรต่างๆ จะหันมาขอคำปรึกษา เกี่ยวกับเรื่องของเวทมนตร์ และปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์อีกด้วย
แน่นอนว่าการศึกษาเวทมนตร์ มักจะก้าวข้ามเส้นหรือความเข้าใจบางอย่าง ซึ่งบางครั้ง อาจจะทำให้ผู้มีอำนาจ ไม่พอใจและต้องการควบคุมมัน สมาคมจอมเวทย์ จึงมักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับศาสนจักร เนื่องจากบ่อยครั้งการค้นพบ หรือทฤษฎีทางเวทมนตร์บางอย่าง ก็อาจจะขัดแย้งกับคำสอน หรือก้าวข้ามเส้นระหว่างพลังอำนาจที่ทางศาสนจักรยอมรับได้