header

คัมภีร์โลกทัศน์อสุรา บทที่ 9: เทคโนโลยี

คัมภีร์โลกทัศน์อสุรา บทที่ 9: เทคโนโลยี

จักรวรรดิแห่งเหล็กกล้า (Empire of Irons)

โลกในยุคปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ซึ่งถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “ยุคเหล็กกล้า” (Age of Iron) โดยมีเทคโนโลยีเป็นหัวใจหลัก ของการพัฒนาอารยธรรม วิทยาการแห่งเครื่องกล, ดินปืน, พลังงานถ่านหิน และการออกแบบเครื่องมือ ยุทธวิธีแบบใหม่ ได้เข้ามาแทนที่เวทมนตร์ และการรบ และอุตสาหกรรมแบบเก่าในหลายภาคส่วนของโลก โดยเฉพาะภายในจักรวรรดิเมทัลลิก้า (และคาดว่า จักรวรรดิซอเรี่ยน ก็เป็นเช่นกัน)

ระบบรถจักรไอน้ำ ได้กลายเป็นแกนกลางของการคมนาคมขนส่งระหว่างเมืองหลัก, เหมือง, และฐานทัพในชายแดนที่ปลายของทวีป ส่วนปืนกล และ ปืนไรเฟิล กลายเป็นเครื่องมือพื้นฐาน ของกองทัพจักรวรรดิแทนที่อาวุธเวทแบบดั้งเดิม อาวุธระเบิดทั้งแบบขว้าง, กับระเบิด, และระเบิดเวลา ได้เข้าสู่ยุทธภัณฑ์มาตรฐาน พร้อมกันกับการพัฒนาชุดเกราะ สำหรับพลปืน และหน่วยสนับสนุนแนวหน้า

พลังงานที่ใช้มีตั้งแต่ ถ่านหิน และน้ำมันกลั่น โดยนำมันมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ของการขับเคลื่อนฟันเฟืองและลูกสูบ เทคโนโลยีเหล่านี้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และยังมีการวิจัย และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หลายระบบเพิ่งคิดค้นในช่วงศตวรรษนี้ และยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุน ความเปราะบาง หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่มีใครแน่ใจนัก

แม้จะมีการวิจัยเรื่องการใช้เวทมนตร์มาผสานกับกลศาสตร์ อยู่บ้างในบางสถาบัน แต่ก็ถือเป็นแขนงย่อย ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นระบบกลาง การใช้เวทมนตร์ในวงการเทคโนโลยี มักจำกัดอยู่ในบางจุด เช่น แหล่งพลังเวทสำรอง หรือ ตัวเร่งปฏิกิริยาเวทบางชนิด ซึ่งเป็นของที่หายาก หรือไม่สามารถนำมาใช้งานในสเกลที่ใหญ่พอ จะคุ้มทุนของการวิจัยและพัฒนาได้

เทคโนโลยีจึงกลายเป็นสนามใหม่ของการชิงอำนาจ ไม่ว่าจะในทางทหาร เศรษฐกิจ หรือการปกครอง วิศวกร นักออกแบบ ช่างฝีมือ และนักทฤษฏี จึงได้รับสถานะที่สูงขึ้น ในระบบชนชั้นยุคใหม่ และเริ่มมีบทบาททางการเมืองแทนนักเวทชั้นสูง หรือนักบวชแบบดั้งเดิม


ภูมิปัญญาแห่งอสุรา (Asura’s Technology)

เทคโนโลยีของเผ่าอสุรา และนครรัฐอิสระทางตะวันออกของทวีปแองเจเลีย อยู่ในระดับที่นักวิชาการจักรวรรดิประเมินว่าเทียบเท่า “ยุคกลางตอนปลาย” ของมนุษย์ และล้าหลังกว่าพวกเขาไปประมาณ 300 - 500 ปี ทั้งในด้านเครื่องมือ อาวุธ และโครงสร้างพื้นฐาน เมืองใหญ่ของอสุรามีการใช้เครื่องมืองานช่างเหล็ก, โรงตีอาวุธ, และปราการหิน ซึงอาจจะวิจิตรงดงาม และมีเอกลักษณ์ แต่ยังไม่มีระบบเครื่องจักร หรือพลังงานเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ เช่นถ่านหิน หรือ น้ำมัน เช่นเดียวกับจักรววรดิ

อาวุธหลักของอสุรามักเป็น ดาบเหล็กกล้า, คมแฝก, ขวาน, และ เกราะโลหะผสานหนังสัตว์ ซึ่งผลิตด้วยฝีมือช่างในท้องถิ่น คุณภาพของงานขึ้นอยู่กับชื่อเสียง และสายช่าง มากกว่ามาตรฐานการผลิตแบบจักรวรรดิ กองทัพของอสุรามีการใช้เครื่องยิงหิน, หน้าไม้กลยักษ์, และโครงสร้างป้องกันประตูเมืองในลักษณะเดียวกับยุคสงครามปราสาทของมนุษย์

พลังงานที่อสุราใช้ในการผลิตและดำรงชีพยังคงมาจาก แรงงานคน, สัตว์, และน้ำจากลำธาร หรือกังหันน้ำ ซึ่งเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น แม้จะด้อยกว่าจักรวรรดิด้านความเร็ว และประสิทธิภาพ แต่ชาวอสุรากลับมี ข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ จากการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อม การใช้ทรัพยากรท้องถิ่นอย่างเต็มที่ และความสามารถในการผลิตซ่อมบำรุงอาวุธในสนามรบ โดยไม่ต้องพึ่งพาโรงงานใหญ่

สำหรับชาวอสุรา “เทคโนโลยี” ไม่ได้หมายถึง ความก้าวหน้าทางกลศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึง วิถีช่างที่สืบทอดกันมา, การดัดแปลงสิ่งธรรมชาติ, และการสร้างสรรค์ที่ไม่ตัดขาด จากวิญญาณ และจิตของผู้ทำ แม้จะถูกจักรวรรดิมองว่าล้าหลังก็ตาม


ซอเรี่ยนและความรู้ต้องห้าม (Saurian Forbidden Knowledges)

แม้จักรวรรดิจะยืนหยัดในแนวทางแห่งวิทยาการ และกลศาสตร์อุตสาหกรรม แต่ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีบันทึกหลายฉบับที่ระบุถึงการปรากฏของเทคโนโลยีประหลาด ที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาใดๆ ของมนุษย์ หรือแม้แต่ของชาวอสุราก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้ เป็นของจักรวรรดิซอเรี่ยนในเขตทวีปทางเหนือ ซึ่งมีประวัติความขัดแย้งกับทวีปแองเจเลีย มาอย่างยาวนาน

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ เรือเหาะของซอเรี่ยน ซึ่งไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำ หรือกลไกใดๆ ที่จักรวรรดิสามารถจำลองได้ คาดว่าเรือเหล่านี้ใช้ แกนพลังเวทโบราณ หรืออาจมีสิ่งมีชีวิตบางอย่าง ฝังอยู่ภายใน เป็นหัวใจของยานพาหนะดังกล่าว มีการรายงานถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติ ราวกับตอบสนองต่อเจตจำนงมากกว่าเครื่องกลของเรือเหาะนี้ มาจากผู้รอดชีวิตจากนครไอยรา

อีกเทคโนโลยีที่น่ากังวลคือ การดัดแปลงและควบคุมสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ หรือกำลังพลของตนเอง ซึ่งปรากฏให้เห็นในกองกำลังที่มีความเกี่ยวพันกับจักรวรรดิซอเรี่ยน ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม ดูเหมือนว่าซอเรี่ยนจะไม่ได้เชี่ยวชาญเพียงเทคโนโลยีด้านกลศาสตร์ หรือการสร้างยานพาหนะเพียงเท่านั้น แต่ยังเชี่ยวชาญด้านศาสตร์มืด มนตร์ดำ หรือวิทยาการ ที่ยังไม่มีใครในทวีปแองเจเลียเข้าใจการทำงานอีกด้วย

นักวิจัยสายเวทบางคนในจักรวรรดิเริ่มเรียกเทคโนโลยีกลุ่มนี้ว่า “ศาสตร์ต้องห้าม” ซึ่งผสมผสานเวทมนตร์ วิญญาณ สสาร และสิ่งมีชีวิตเข้าด้วยกันในระดับเหนือความเข้าใจของมนุษย์ จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหน่วยใดในจักรวรรดิสามารถจำลองระบบเหล่านี้ได้สำเร็จ โดยไม่สูญเสีย หรือเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่เลยสักครั้ง ความกลัวจึงไม่ใช่เพียงว่า จักรวรรดิซอเรี่ยน ล้ำหน้ากว่าจักรวรรดิเมทัลลิก้ามากเพียงใด แต่คือการไม่รู้ว่าพวกมันได้ทำสิ่งใดลงไปบ้าง เพื่อได้มาซึ่งวิทยาการเหล่านี้