เนื้อเรื่อง

บันทึกเรื่องราวอสุรา: เหนือน่านฟ้าเซาท์เทิร์นฟอร์ท

บันทึกเรื่องราวอสุรา: เหนือน่านฟ้าเซาท์เทิร์นฟอร์ท

วันที่ยี่สิบห้า เดือนลูซิสมูน มิตรศักราชที่ห้า

วันนี้ข้าได้รับทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกัน ข่าวดีคือ กลุ่มของพันตรี โจนาธาน ได้กลับมาถึงเรดคลิฟโดยปลอดภัย หลังจากการปฏิบัติภารกิจที่ชายฝั่งใต้ แม้จะมีอาการบาดเจ็บและอ่อนล้าอยู่บ้าง พันตรีรายงานถึงการปะทะในถ้ำโจรสลัด และการตกหลุมพรางของจัน ซึ่งข้าได้ตอบกลับไปว่า ได้รับข้อมูลเบื้องต้นจากโจและสการ์เล็ตแล้ว พร้อมยืนยันว่ากองกำลังของเราปกป้องเรดคลิฟไว้ได้สำเร็จ

ระหว่างที่ข้ากำลังประชุมกับพวกเขา เพื่อเตรียมรายงานส่งต่อไปยังส่วนกลาง มีผู้มาเยือนโดยไม่คาดคิด เมย่าสายข่าวของข้าใน เซาท์เทิร์นฟอร์ท นางอยู่ในสภาพสะบักสะบอม เสื้อผ้าขาดวิ่น และมีรอยไหม้คล้ายถูกพลังเวทโจมตีโดยตรง นางแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน ก่อนจะเอ่ยเตือนบางสิ่งเกี่ยวกับ เซาท์เทิร์นฟอร์ท ก่อนจะหมดสติไป ข้าจึงรีบสั่งให้หน่วยแพทย์นำตัวนางไปพักรักษาโดยทันที เมย่าเป็นหนึ่งในแอสซาซินที่เก่งที่สุด มีชื่อเสียงด้านการลอบเร้น และการหลบหนีอย่างแนบเนียน การที่นางมาปรากฏตัวในสภาพนี้ หมายความว่า เหตุการณ์ในเมืองนั้นต้องร้ายแรงกว่าที่เราคาดไว้แน่

ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ความจริงก็เปิดเผยต่อสายตาเรา ท้องฟ้าทางทิศเหนือสว่างวาบขึ้น คลื่นพลังเวทสั่นสะเทือนมาถึงเร้ดคลิฟ ก่อนที่แสงสีน้ำเงินอมม่วงขนาดใหญ่ จะพุ่งขึ้นจากขอบฟ้าเหนือ เซาท์เทิร์นฟอร์ท และก่อตัวเป็นวงเวทขนาดมหึมา ปกคลุมทั้งน่านฟ้า แสงนั้นเปล่งพลังรุนแรง จนผู้คนในเมืองรู้สึกคลื่นไส้ และวิงเวียนในทันที ข้าสั่งให้ทุกหน่วยเข้าสู่ภาวะเตรียมพร้อมเต็มกำลังทันที

ข้ายังไม่อาจยืนยันได้ว่านี่เป็นฝีมือของ “จัน” หรือไม่ แต่สัญชาตญาณของข้าบอกอย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับนางโดยตรง ขณะนี้ข้ากำลังเตรียมการเดินทัพไปยัง เซาท์เทิร์นฟอร์ท พร้อมกำลังเท่าที่เหลืออยู่ในสภาพพร้อมรบ ส่วนทหารที่บาดเจ็บจากศึก เร้ดคลิฟ ข้าสั่งให้พักฟื้นก่อน แล้วจึงตามสมทบภายหลัง โดยมีโจนาธานเป็นผู้นำกำลัง

คาร์เตอร์ แมกคาเดเมีย


แรมสิบเอ็ดค่ำ เดือนอ้าย มิตรศักราชที่ห้า

เย็นวันนี้... ฟ้าในทิศตะวันตกไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา

ข้าและแก้วมณีเพิ่งมาถึงหมู่บ้านฟรอนเทียร์ได้ไม่นาน กะว่าจะพักเอาแรงสักคืน ก่อนออกเดินทางไปยังเขตแดนของมนุษย์ เพื่อส่งสาส์นตามคำสั่งของท่านราเชน แต่ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับฟ้า ข้ากลับรู้สึกได้ถึงแรงสั่นของเวทมนตร์แผ่ว ๆ ในอากาศ คลื่นนั้นไม่ใช่พลังของธรรมชาติ หรือมนุษย์ หากแต่เป็นสิ่งที่ข้าคุ้นเคยเกินไป กลิ่นของพลังเวทอสุราโบราณ

แก้วมณีสังเกตเห็นว่าอาการของข้า จึงพยายามถาม แต่ก่อนที่ข้าจะทันตอบ เสียงสะเทือนจากพื้นดิน ก็ดังก้องขึ้นทั่วภูเขา ข้ามองไปทางฟ้าฝั่งตะวันตก และเห็นมัน… เสาแสงสีน้ำเงินอมม่วง พุ่งขึ้นจากปลายฟ้าเหนือตำแหน่งเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ทของจักรวรรดิมนุษย์ ก่อนจะบิดตัวกลายเป็นวงเวทขนาดมหึมา ที่ฉายแสงไปทั่วท้องฟ้า แสงนั้นราวกับมีชีวิต เต้นไหวเหมือนเปลวเพลิงในพายุ

ข้าแทบไม่ต้องทำนายก็รู้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือสัญญาณแรกของ “คำทำนายนั้น” “ดวงอาทิตย์ที่ลับฟ้าจะถูกย้อมด้วยบาป...” ข้าท่องประโยคนี้ในใจช้า ๆ ราวกับต้องการยืนยันกับตนเองว่าไม่ได้เพ้อฝันไป

คำพยากรณ์นั้นมาเร็วกว่าที่ใครคิด... เราใช้เวลาเตรียมตัว และถกเถียงกันมากเกินไป คิดว่ายังมีเวลา คิดว่าวันนั้นยังอยู่ไกล แต่ข้ากลัวว่ามันอาจมาถึงแล้วในเย็นวันนี้

หากสิ่งนี้คือจุดเริ่มต้นของคำพยากรณ์จริง ๆ ข้าไม่รู้เลยว่าเราจะสามารถหยุดยั้งมันได้หรือไม่ และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ... ข้ายังไม่รู้เลย ว่าผู้ใดเป็นคนปลุกมันขึ้นมา

ยุพิน บุตรีแห่งหลวงสิงหนาถ


วันที่ยี่สิบหก เดือนลูซิสมูน มิตรศักราชที่ห้า

ข้าไม่เคยคิดเลยว่า... จะมีวันที่ฟ้าทั้งฟ้าของฟรอนเทียร์เปลี่ยนสีแบบนี้

เหตุการณ์เมื่อวานที่ผ่านมา ยังฝังอยู่ในหัวไม่เลือน เสาแสงสีม่วงคราม พุ่งขึ้นจากฟากฟ้าไกลทางตะวันตก ก่อนจะเกิดแรงคลื่นบางอย่างแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหมู่บ้าน มันไม่ใช่ทั้งลม เสียง หรือแรงสั่นสะเทือนของพื้นดิน แต่เป็นแรงกดทับประหลาดที่มองไม่เห็น กดลงบนร่างกายและหัวใจของผู้คน ราวกับอากาศทั้งหมู่บ้านถูกดูดหายไปในชั่วขณะ

เมื่อข้าได้สติอีกครั้ง ก็พบว่าผู้คนมากมายล้มสลบอยู่บนพื้น เด็กเล็กร้องไห้ หญิงชราแน่นิ่ง กลางลานบ้าน พวกเขาหายใจรวยรินราวกับจะขาดใจ แม้แต่พวกทหารของท่านแองเจเล่บางคน ก็แสดงอาการอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับคนที่บาดเจ็บอยู่ ข้ากับพวกชาวบ้าน ที่ยังพอขยับตัวได้ ต่างพยายามช่วยกันอุ้มคนที่สลบไปส่งที่ศาลากลางหมู่บ้าน แต่พวกเราทำได้เพียงเท่าที่แรงจะมี

แม่หญิงยุพิน แม่หญิงแก้วมณี และอสุราผู้ฝึกตนที่เดินทางมากับท่านดำ ช่วยพวกเราไว้ในวันนั้น แม่หญิงยุพินใช้มนตราแห่งการชำระ คลื่นพลังของนางช่วยให้ผู้ที่อ่อนแรงเริ่มขยับได้อีกครั้ง ส่วนแก้วมณีช่วยประคองผู้บาดเจ็บ และใช้สมุนไพรตามความรู้ของนาง ช่วยเหลือผู้คน ร่วมกับเป็นหมอประจำหมู่บ้าน

ข้าไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณพวกนางอย่างไรถึงจะเพียงพอ

เมื่อรุ่งเช้ามา พวกนางบอกข้าว่าจะต้องออกเดินทางต่อ เพื่อไปแจ้งข่าวของพวกนาง ให้ถึงผู้นำแห่งจักรวรรดิ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุของเวทมนตร์เป็นแน่ และเสาแสงนั้น... อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

ข้ามองแผ่นหลังของพวกนางที่ค่อย ๆ ลับตาไปตามถนนดินสายเดิมที่มุ่งลงจากภูเขา ในใจเต็มไปด้วยคำถามและความกลัว แต่ในเวลาเดียวกัน ข้ากลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบางอย่าง เพราะอย่างน้อย ในค่ำคืนที่ความมืดกลืนแสงไปจนหมด ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่พร้อมจะยืนหยัดลุกขึ้นสู้ และจุดประกายความหวัง เหมือนดังการต่อแสงเทียนให้กับผู้คน

ข้าเองก็ขอภาวนาให้พวกนางเดินทางโดยปลอดภัย

ฟรีสต์ หัวหน้าหมู่บ้านฟรอนเทียร์

ฟรีสต์ หัวหน้าหมู่บ้านฟรอนเทียร์

แรมสิบห้าค่ำ เดือนอ้าย มิตรศักราชที่ห้า

วันนี้ข้าและแม่หญิงยุพินเดินทางมาถึงค่ายของกองกำลังจักรวรรดิ ในหุบเขาเดธวัลเลย์ หลังจากผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นทราย และลมแรงตลอดหลายวัน การได้เห็นธงของจักรวรรดิ ตั้งอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามอัสดงนั้น ทำให้หัวใจข้ารู้สึกทั้งโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่ต่างไปจากเมื่อห้าปีที่แล้ว ที่ธงนี้หมายถึงศัตรูของพวกเราชาวอสุรา

ท่านผู้พันคาร์เตอร์ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี ท่านสอบถามถึงเหตุการณ์ในอาณาจักรอสุรา และข้าได้ทำหน้าที่ทูติ เพื่อรายงานคำพยากรณ์ของแม่หญิงยุพินให้ท่านทราบโดยละเอียด เมื่อข้าเอ่ยถึงเสาแสงเหนือทางตะวันตก ในตอนนั้นใบหน้าของท่านผู้พันก็นิ่งไป และบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียด ข้าไม่อาจล่วงเกินถามต่อ เพียงแต่สัมผัสได้ถึงภาระหนักอึ้ง ที่ท่านต้องแบกรับไว้

ข้ากับแม่หญิงยุพินได้รับอนุญาตให้พักในกระโจมรับรองในค่าย ยุพินหลับไปก่อนข้า แต่ไม่นานหลังจากหลับสนิทดี นางก็เริ่มพึมพำคำพูดแปลก ๆ ออกมาในยามหลับ เสียงนั้นสั่นพร่า และเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น นางร่ำพูดขอโทษ และกล่าวว่ารู้สึกผิดอยู่อย่างนั้น ข้าอยากปลุกให้นางตื่นขึ้นมา แต่เกรงว่าจะทำให้สภาพจิตใจของนาง แย่ไปกว่าเดิมเสียเปล่า จึงปล่อยให้นางละเมอไปเช่นนั้นเอง

คืนนี้ ไร้แสงจันทร์ ท้องฟ้าเหนือเดธวัลเลย์สว่างพรั่งพราวไปด้วยหมู่ดาว หากไม่นับวงเวทประหลาดที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า ก็จะนับเป็นค่ำคืนที่สวยงามได้กระมัง ข้ามองออกไปยังฟ้าที่มืดมิด รู้สึกหนาวจับใจ ทั้งจากอากาศในหุบเขา และจากสิ่งที่ได้ยินจากนาง หากคำพยากรณ์ของยุพินเป็นจริงทุกถ้อยคำ… โลกนี้อาจกำลังเผชิญสิ่งที่เราทุกคน ไม่อาจหยั่งถึง หรือคาดการณ์ได้เลย

แก้วมณี


วันที่สาม เดือนลูซิสอควา มิตรศักราชที่ห้า

กองกำลังของข้าเดินทางมาถึงค่ายของพันเอกคาร์เตอร์ในช่วงพลบค่ำ หลังจากข้ามแนวป่าทะเลทรายและหุบเขาแห้งแล้งของเดธวัลเลย์มาเป็นเวลาหลายวัน การมาถึงโดยปลอดภัยนับเป็นโชคดี เพราะพื้นที่นี้เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและมอนสเตอร์มากมาย

ระหว่างตรวจสภาพกองทัพและจัดกำลัง ข้าได้พบกับเธออีกครั้ง แม่หญิงแก้วมณี นางเดินทางมาพร้อมท่านยุพินในฐานะทูตจากอาณาจักรอสุรา เพื่อรายงานคำพยากรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ การได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ในสถานที่อันห่างไกลเช่นนี้ เป็นความรู้สึกที่ทั้งอบอุ่น และหวั่นไหวในเวลาเดียวกัน

เรายเคยแลกเปลี่ยนชีวิตในสนามรบผืนเดียวกันเมื่อห้าปีก่อน เพื่อเปิดโปงแผนการของจัน และยุติสงครามลง หลังการสงบศึก เราทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อข้าถูกย้ายไปประจำการที่เร้ดคลิฟ เส้นทางระหว่างเราก็เริ่มห่างออกไปทีละน้อย

วันนี้พวกเราได้พบกันอีกครั้ง นางยังคงเหมือนเดิมกับที่ข้าจำได้ สงบนิ่ง สุภาพ อ่อนโยน แต่แฝงความแข็งแกร่งไว้ในแววตา ทว่าในคราวนี้ ดวงตาของนางนั้นที่ต่างออกไป มีความกังวลบางอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนแฝงอยู่ในนั้นด้วย

ข้าไม่รู้ว่าการมีแก้วมณีและยุพินอยู่ในค่าย จะเป็นพรหรือคำสาป เพราะแม้พวกนางจะนำความรู้ และพลังเวทที่ทรงพลังมา แต่ก็ย่อมนำความเสี่ยงมาด้วยเช่นกัน ในฐานะของทูติจากอสุรา อันตรายที่เกิดขึ้นกับพวกนาง หมายถึงความละหลวมของพวกเรา เหล่าเซนจูเรี่ยน

พันเอกคาร์เตอร์ยังไม่ได้เผยคำสั่งสุดท้าย แต่ข้ารู้ดีว่าในไม่ช้า เราจะต้องเคลื่อนกำลัง ผ่านหุบเขามังกรเพื่อตรวจสอบวงแหวนเวทมนตร์บนฟ้าเหนือตัวเมือง

เส้นทางนั้นขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งในเส้นทางที่อันตรายที่สุดในจักรวรรดิ ตลอดระยะทางเต็มไปด้วยร่องหินคมเหมือนใบมีด และเสียงคำรามก้องของมอนสเตอร์หลากชนิด โดยเฉพาะมังกร สมกับชื่อเรียกของมัน มันเป็นเส้นทางที่แม้แต่กองคาราวานก็หลีกเลี่ยง แต่เราจำเป็นต้องผ่าน เพราะเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ทตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางออกของหุบเขาเท่าไรนัก หากจะเข้าไปตรวจสอบและควบคุมสถานการณ์ในเวลาที่รวดเร็วที่สุด ก็ต้องใช้เส้นทางนี้เท่านั้น

เพื่อเซาท์เทิร์นฟอร์ท และจักรวรรดิ เราจะมาถอยตอนนี้ไม่ได้

โจนาธาน มูนแฟงก์